ที่มา https://travel.kapook.com/view196347.html



อนุสาวรีย์พระยาสุรินทรภักดีศรีณรงค์จางวาง (ปุม)


ที่มา amnat30 / Shutterstock.com



อนุสาวรีย์พระยาสุรินทรภักดีศรีณรงค์จางวาง (ปุม) ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมืองของเมืองสุรินทร์ เป็นสถานที่ตั้งรูปหล่อของพระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง (ปุม) ผู้วางรากฐานการก่อตั้งเมืองสุรินทร์ ด้านหน้าของรูปหล่อมีรูปปั้นงาช้างสีขาวขนาดใหญ่ขนาบทั้ง 2 ข้าง เป็นสัญลักษณ์ที่สื่อว่าเมืองสุรินทร์เป็นเมืองช้างอย่างแท้จริง

อนุสาวรีย์พระยาสุรินทรภักดีศรีณรงค์จางวาง (ปุม) เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไหว้สักการะขอพรทุกวัน แต่ด้วยที่ตั้งยอู่บริเวณเกาะกลางถนน จึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ



ปราสาทศรีขรภูมิ


ที่มา https://thai.tourismthailand.org/Attraction



ประสาทศรีขรภูมิตั้งอยู่ที่บ้านปราสาท ตำบลระแงง ห่างจากที่ว่าการอำเภอศีขรภูมิ 500 เมตร สร้างขึ้นตามรูปแบบศิลปกรรมเขมรโบราณ ตรงกับศิลปะสมัยบาปวนต่อเนื่องถึงสมัยนครวัด ช่วงพุทธศตวรรษที่ 16-17 เพื่อเป็นศาสนสถานของศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย ที่นับถือพระศิวะและพระอิศวรเป็นเทพเจ้าสูงสุด จนถึงราวพุทธศตวรรษที่ 22-23 ปราสาทศีขรภูมิได้ถูกดัดแปลงให้เป็นวัดในศาสนาพุทธนิกายหินยาน

แผนผังหลักของปราสาท คือ ตัวปราสาทหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ประกอบด้วยปราสาทอิฐ 5 หลัง ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงเดียวกัน โดยมีปราสาทประธานอยู่ตรงกลาง และมีปราสาทบริวารอยู่โดยรอบทั้งสี่มุม ปราสาทแต่ละหลังมีลักษณะเหมือนกัน คือตัวปราสาทก่อสร้างด้วยอิฐ หินทราย และศิลาแลง มีบันไดทางขึ้นและประตูทางเข้าด้านทิศตะวันออกเพียงด้านเดียว จุดที่น่าสนใจโดยรอบของปราสาทศีขรภูมิ ได้แก่ ทับหลังหินทรายเหนือกรอบประตูทางเข้าปราสาทประธาน สลักเป็นรูปศิวนาฏราช (พระศิวะทรงฟ้อนรำ) อยู่บนหงส์ 3 ตัว เหนือหน้ากาล แวดล้อมไปด้วยบริวารที่ร่วมทรงดนตรี รูปสลักที่สำคัญทางด้านขวาของพระองค์คือพระนารายณ์และพระอุมา ส่วนทางด้านซ้ายของพระองค์คือพระพรหมและพระคเณศ ในส่วนของตำแหน่งเสาประดับผนังปราสาทประธานนั้น ส่วนด้านหน้าสลักเป็นรูปนางอัปสร ส่วนด้านบนเหนือศีรษะสลักลายประจำยามก้ามปู และส่วนด้านข้างสลักเป็นรูปทวารบาล ซึ่งเป็นเทพผู้รักษาประตู ส่วนปราสาทบริวารพบทับหลัง 2 ชิ้น ปัจจุบันถูกนำไปเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย จังหวัดนครราชสีมา สลักเป็นรูปแสดงเหตุการณ์ตอนพระกฤษณาวตาร (ตอนที่พระวิษณุหรือพระนารายณ์แบ่งภาค ลงมาเกิดเป็นพระกฤษณะเพื่อปราบพญากงส์) โดยทับหลังชิ้นที่หนึ่ง สลักรูปตอนพระกฤษณะประลองกำลังปราบช้างและคชสีห์ ส่วนทับหลังชิ้นที่สอง สลักรูปตอนพระกฤษณะปราบคชสีห์ นอกจากนี้ยังพบบัวยอดปราสาท สลักด้วยหินทราย มีลักษณะเป็นรูปดอกบัวบานขนาดใหญ่ สำหรับประดับยอดบนสุดของปราสาท ปัจจุบันจัดแสดงอยู่บริเวณโคนต้นโพธิ์ด้านหน้าปราสาทศีขรภูมิ

ปราสาทศีขรภูมิเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 07.30-18.00 น. ค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาท



พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสุรินทร์


ที่มา https://cbtthailand.dasta.or.th/webapp/relattraction/content/1755/



พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสุรินทร์ ตั้งอยู่ที่ 214 หมู่ 13 ตำบลเฉนียง อำเภอเมือง เป็นสถานที่รวบรวมโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และจัดแสดงเรื่องราวของจังหวัดสุรินทร์ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน โดยมีการแบ่งการจัดแสดงออกเป็น 5 เนื้อเรื่องด้วยกัน คือ ธรรมชาติวิทยา, ประวัติศาสตร์โบราณคดี, ประวัติศาสตร์เมืองสุรินทร์, ชาติพันธุ์วิทยา และมรดกดีเด่น

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสุรินทร์ เปิดให้เข้าชมวันพุธ-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์-อังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์) ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. ไม่มีค่าเข้าชม



วนอุทยานแห่งชาติพนมสวาย


ที่มา https://cbtthailand.dasta.or.th/webapp/relattraction/content/323/



วนอุทยานแห่งชาติพนมสวาย หรือ เขาสวาย ตั้งอยู่ในพื้นที่ 2 ตำบลคือ ตำบลนาบัว ตำบลสวาย มีเนื้อที่ 1,975 ไร่ ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาสวายท้องที่ตำบลนาบัว อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ "พนมสวาย" เป็นคำภาษาพื้นที่เมืองสุรินทร์ "พนม" แปลว่าภูเขา "สวาย" แปลว่า "มะม่วง" ในหมู่พนมสวายประกอบด้วภูเขา 3 ลูกติดต่อกันซึ่งมีมีชื่อพื้นเมืองเรียกแตกต่างกันไป ได้แก่ "พนมกรอล" แปลว่า "เขาคอก" มีความสูงประมาณ 150 เมตร "พนมเปร๊า แปลว่า "เขาชาย" มีความสูงประมาณ 220 เมตร "พนมสรัย" แปลว่า "เขาหญิง" มีความสูงประมาณ 210 เมตร รวมกันทั้ง 3 ลูก มีชื่อว่า เขาพนมสวาย ความจริง คือ พนมสวาย คือ ภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว จึงมีลานหินกระจายทั่วไป เนื่องจากวนอุทยานพนมสวายได้สำรวจทั่วบริเวณวนอุทยานพบว่า มีต้นกล้วยไม้ป่าอยู่เป็นจำนวนมาก ทางวนอุทยานได้จัดต้นกล้วยไม้ป่า มาติดไว้ตามต้นไม้ต่าง ๆ ริมถนน ริมลานจอดรถบ้าง วนอุทยานพนมสวาย ถือว่าเป็นวนอุทยานเฉลิมพระเกียรติแห่งหนึ่งในประเทศไทย และเป็นสถานที่แสวงบุญของชาวไทยที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา เขตอุทยานพนมสวาย เขาพนมสวาย เป็นภูเขาที่โผล่ขึ้นมาโดด ๆ บนที่ราบทำนาของจังหวัดสุรินทร์ ห่างจากเทือกเขาพนมดงรักประมาณ 50 กิโลเมตร ห่างจากเขาพนมรุ้งประมาณ 50 กิโลเมตร (สามารถมองเห็นพนมรุ้ง และเขากระโดงได้ที่ด้านหลังพระพุทธสุรินทร์มงคล จนเห็นเทือกเขาพนมดงรัก และเขาพระวิหาร เฉพาะในวันที่ท้องฟ้าเปิดและอากาศแจ่มใส) และอยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 22 กิโลเมตร

กลับขึ้นไปด้านบนของหน้าเว็บ